ประเภทของกระเป๋า Crypto
ผมจะขอแยกประเภทของกระเป๋าตามหน้าที่ของมันนะครับ แต่ก่อนอื่นเรามารู้จักความรู้เบื้องต้นกันก่อนนะครับ ทั้งนี้ผมจะอธิบายให้ง่ายต่อการเข้าใจ เพื่อทำให้ทุกคนเห็นภาพได้ง่ายขั้น
Public Key หรือ เรียกว่า Address คือ เลขที่กระเป๋าของเรา เข้าใจง่ายๆเสมือนเป็น เลขบัญชีธนาคาร+สมุดธนาคาร ครับ
Private Key คือ เลขชุดรหัสของเราในการเข้าถึงกระเป๋าของเรา อันนี้สำคัญมาก สิ่งนี้เสมือนเป็น Public Key + ลายเซ็นต์ของเรา แสดงว่าใครได้เลขชุดรหัสนี้ไปก็จะสามารถสั่งโอนเงินในกระเป๋าของเราได้ครับ
![](https://bitcoinabx.com/wp-content/uploads/2019/04/private-key-vs-public-key.png)
จากรูปนี้ก็จะเห็นได้ว่า Private Key จะยาวกว่า Public Key มากเลยนะ
Mnemonics หรือ Seed Word คือ คำ 12-24 คำแบบง่าย ที่เป็นของเรา โดย Wallet ของแต่ละเจ้าจะใช้สิ่งนี้ในการสร้าง Private Key ขึ้นมา ซึ่งสามารถสร้างเป็นหลายๆกระเป๋าได้ เช่น Bitcoin , Etherum , Ripple ฯ สิ่งนี้สำคัญไม่แพ้ Private Key เลยทีเดียวหรือจะเรียกว่าสำคัญกว่าด้วยซ้ำ เก็บไว้ให้ดีอย่าให้ใครได้ไป
Paper Wallet หรือหมายถึง กระเป๋ากระดาษ มันคือ การที่เราเขียนคำ Private Key และ Seed Word นี้ละ ลงกระดาษเป็นสิ่งสำรองไว้ในกรณีฉุกเฉิน เช่น คอมพิวเตอร์เสียหายแล้วเครื่องที่ลง Private Key นั้นพังไปด้วยจำเป็นต้องนำมาลงใหม่ โดยปกติ Paper Wallet จะเก็บไว้ในตู้เซพส่วนตัวเอง
![](https://bitcoinabx.com/wp-content/uploads/2019/04/Mnemonic-seed-still-life-300x225.jpg)
ภาพนี้คือตัวอย่างของการเขียน Seed Words ลงกระดาษนะครับ
ก็จบความรู้เบื้องต้นกันไปแล้ว ที่นี้เรามาดูการแบ่งประเภทของ Wallet และดูข้อดี ข้อเสียกันไปเลย
Exchange Wallet คือ การเก็บเหรียญของเราไว้ใน Exchange ต่างๆ เช่น Bx.in.th , Binance.com , Kucoin.com
ข้อดี – ความยุ่งยากในการจดจำน้อยลงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้บริการ สามารถล็อกอินเข้ามาจัดการซื้อขายได้ง่าย
ข้อเสีย – ถ้าวันใดวันหนึ่งเวปล่มหรือเวปหนีหายไป แสดงว่าเงินคุณก็จะหายไปกับเค้าด้วย
Hot Wallet คือ การที่เรามี Wallet เป็นของตัวเอง เช่น การสร้างกระเป๋าบน Metamask , O3 ,Owallet
ข้อดี – เราสามารถโอนเหรียญไปมาได้อย่างสะดวกผ่านเวปบราวเซอร์หรือโปรแกรมต่างๆได้ โดยไม่ต้องพึ่งพา Exchange
ข้อเสีย – เราต้องเป็นผู้ดูแล Private Key ของเราเองถ้าทำหายไปโดยไม่มีสำรอง หมายถึงการหายไปตลอดกาล
![](https://bitcoinabx.com/wp-content/uploads/2019/04/hot_wallet-300x85.jpg)
Cold Wallet หรือ Cold Storage คือ กระเป๋ารูปแบบ Hardware Wallet ซึ่งจะเป็นอุปกรณ์ลักษณะคล้ายทัมไดฟ์ สิ่งนี้จะเป็นการเก็บ Seed Word ของเราในเครื่อง โดยจะไม่แสดงหรือส่งค่า Private Key ออกมาทำให้ปลอดภัยมากที่สุดในการเก็บข้อมูล การเปิดใช้งานก็จำเป็นต้องใส่ Pin Code เป็นเลข 6-8 หลักเพื่อเริ่มใช้งานถ้าใส่ผิด 3-5 ครั้ง ตัวเครื่องก็จะลบข้อมูลทิ้งให้เราคีย์ค่า Seed Word ใหม่ ณ ปัจจุบัน มีผู้ให้บริการยี่ห้อดัง 2 เจ้า คือ 1.Ledger 2.Trezor
ข้อดี – มีความปลอดภัยในการเก็บรักษา Private Key สูง การจะโอนเหรียญออกไปได้ จำเป็นต้องมีทัมไดฟ์นี้และ Pin Code
ข้อเสีย – ไม่สะดวกในการใช้โอนเหรียญไปมาเพราะโดยปกติ Hardware Wallet จะเก็บรักษาไว้ที่บ้าน
![](https://bitcoinabx.com/wp-content/uploads/2019/04/Ledger_Trezor-300x160.jpg)
สุดท้ายนี้ แอดขอแนะนำให้คนที่อ่านบทความนี้ไปแล้ว จะไปสร้างกระเป๋าส่วนตัวทั้ง Hot Wallet หรือ Cold Wallet เพราะไม่ควรใว้ใจฝากทรัพย์สินที่เรามีทั้งหมดกับ Exchange ดังคำที่ว่า “ถ้าไม่มี Private Key แสดงว่านั้นไม่ใช่กระเป๋าของเรา”